Monday, July 9, 2012

เพลงนี้ fourth ร้องได้อย่างใจ

เพลงนี้ fourth ร้องได้อย่างใจ-เพลงนี้แต่งเนื้อและทำนองไปในคราวเดียวกัน อยากได้เพลงไทยที่แนว blue เท่ห์ๆ แต่ไม่ใช่ blue รุ่นแรกๆ ปกติ fourth ไม่ได้ร้องเพลงแนวนี้ fourth ร้องแนวเพราะๆ  แต่เคยให้ fourth มาช่วยร้อง chorus ก็เลยเห็นว่าเป็นคนที่สามารถปรับตัวเองในการร้องเพ่ลงได้เร็วและมีความเข้าใจใน feel เพลงได้ดี จำnote แม่นมาก ก็เลยบอกให้ fourth ไปฟังวง TLC ช่วงนั้นไม่ต้องฟังอย่างอื่นเลย  แล้วค่อยมาซ้อมร้องทีละท่อนๆ สุดท้ายร้องได้อย่างใจมากๆ

Monday, May 21, 2012

เพลงนี้ได้มือ guitar ขั้นเทพมาเป่า sax - ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือทำเพลงปั่นให้ pop ที่สุด เพลงนี้ได้ติ๊ก(เทพนม สุวรรณะบุณย์ ซึ่งเป็นน้องชาย) มาช่วยแต่งให้ ติ๊กเขาชอบแต่งเพลงโดยวิธีธรรมชาติ คือเล่น guitar แต่งเนื้อไปพร้อมทำนอง และถนัดแต่งเพลงที่ฟังง่ายเข้าใจง่าย ตอนอัดเสียงอยากให้เพลงนี้มีท่อน solo ที่ค่อนข้างแสบๆ หน่อย แต่ไม่อยากให้เป็นเสียง guitar ตอนนั้นทั่วไปมักแก้ปัญหาโดยการให้ guitar solo กันเสมอ  โอม(ชาตรี คงสุวรรณ) ซึ่งมาช่วยอัดเสียง guitar ในเพลงนี้บอกว่า ผมเป่า sax เป่า mouth organ ได้พี่  เราก็แปลกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าโอมเป่า sax ได้ ดีใจมากอย่างน้อยก็ได้อะไรที่พิเศษในเพลงนี้ คือได้มือ guitar มาเป่า sax พอโอมลองเป่าให้ฟังก็ยิ่งโล่งเลย คือโอมถือเป็นเหมือนมือกระบี่อยู่ที่ใจ เป่า sax มีสำเนียงเหมือนเวลาเล่น guitar  ขอบใจโอมมากที่ทำสิ่งที่ไม่ค่อยทำกับใครให้กับพี่  ขอบใจตุ๊ก(วิยะดา) ที่ช่วยร้อง chorus ในเพลงนี้

Wednesday, May 9, 2012

เพลงนี้แต่งแบบ jigsaw

เพลงนี้แต่งแบบ jigsaw - เพลงนี้เป็นแนวคิดจากเต๋อ (เรวัติ พุทธินันท์) ว่าน่าจะมีเพลงคู่ สนุกๆ ให้ mila(ชื่อเล่นของมาลีวัลย์) เป็นสีสันบ้าง พอคิดจะทำเพลงสนุกๆให้ Mila ก็คิดไม่ค่อยออก จะเห็นแต่ภาพ Mila ร้องเพลงเพราะๆ ซึ้งๆ เท่านั้น สุดท้ายก็เลยต้องตัดภาพ Mila ออกจากความคิดแล้วคิดกลับทาง คือคิดทำเพลง pop ง่ายๆ ก่อน  เพลงนี้ใช้วิธีคิดแบบ jigsaw คือแต่งแต่ละท่อนต่างหากไม่เกี่ยวกันเลย ให้ลงตัวของมันเองแล้วค่อยจับมาเรียงกัน  เริ่มแต่งดนตรีท่อน intro เป็นอย่างแรกเล่นเป็นคู่เสียงบน scale โดยให้ keyboard เดินnote 1 สลับ 5 เสร็จแล้วเก็บไว้ มาแต่งท่อน A นึกภาพคนคุยกันเป็น phraseๆ ไป กำหนดท่อนหญิงชายจากระดับเสียง จากนั้นแต่งท่อน hook เป็น note ซ้ำๆ ต่างจาก A แล้วจับเอา 3 ท่อนมาต่อกัน  ตอนอัดเสียงใช้วิธีที่นิยมตอนนั้น คือร้องคนละครั้งโดย Mila ร้องก่อน ปั่นร้องทีหลังก็เลยฟังดูอารมณ์จัดจ้านเพราะมีเสียง Mila ให้คอยโต้ตอบอยู่ก่อนแล้ว

Thursday, April 19, 2012

เพลงนี้ฟังง่ายแต่คิดไม่ง่ายเลย

เพลงนี้ฟังง่ายแต่คิดไม่ง่ายเลย - ตอนที่ดู screen test พั๊นช์จะร้องเพลง pop วัยรุ่นๆ ร้องไปเต้นไป พวกเรา(ทีมงาน C&D และอ๊อด กิติศักดิ์ ช่วงอรุณ - GMM) รู้สึกเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเข้ากัน ส่วนตัวรู้สึกหน้าตาพั๊นช์ดูออกเฉยๆ เศร้าๆ มากกว่ารื่นเริง วันนึงขอให้พั๊นช์ร้องเพลงที่ชอบและอยากร้อง จำได้ว่าพั๊นช์นั่งตรงกลางห้อง ตามองไปข้างหน้า แล้วเริ่มร้องเพลง นึกเสียว่าสงสาร ของ อ้อย กะท้อน แบบปากเปล่าไม่มีดนตรี เป็นอะไรที่จับใจมาก (ยังจำภาพนั้นติดตา) ก็คิดได้ว่าน่าจะทำในสิ่งที่พั๊นช์ทำได้ดีที่สุดดีกว่าทำตามกระแส(ตอนนั้นฮิต pop ใสๆ) แต่ก็ต้องให้ร่วมสมัยด้วย จากนั้นทีมงานส่งคนไปไหนมาไหนกับพั๊นช์เป็นอาทิตย์เพื่อเก็บเรื่องราวชีวิตประจำวันเผื่อจะได้เรื่องมาเขียนเพลง(บ้านพั๊นช์อยู่ในซอยที่รถเข้าไม่ได้ พั๊นช์อยู่กับแม่ ร้องเพลงตามงานวัดกับวงดนตรีญาติๆ ชอบซื้อของแถวตลาดวังหน้าแถวรพ.ศิริราช เป็นต้น) เพลงนี้ตู๋(ปิติ ลิ้มเจริญ) แต่งแบบธรรมชาติ คือเล่นกีต้าร์และแต่งสดๆ เพลงนี้เรียบเรียนดนตรียาก ที่ว่ายากคือคิดยาก เพราะต้องทำให้ฟังดูบ้านๆ แต่ก็ต้องมีอะไรด้วย ก็เลยกำหนดในใจไว้ 3 อย่าง คือ 1 ต้องมีเสียงดนตรีที่ฟังดูบ้านๆ (ใช้เสียง organ รุ่นเก่าๆ solo) 2 ต้องมีท่อนที่เป็นเอกลักษณ์(ซึ่งเพิ่งคิดได้ตอนหลังสุด คือท่อน bass เล่นกับกลองรัวๆ) 3 จังหวะไม่ควรสม่ำเสมอจะดูธรรมดาไป(ในเพลงจึงมีท่อนกลองที่ต่างกันไป 2-3 แบบ) ตอนอัดเสียงก็อัด กีต้าร์ กลอง และ bass เล่นกันสดๆ เพลงนี้ได้มือกีต้าร์(โฟร์) และมือ bass(บัง) วง 25 hour มาเล่นให้(ตอนนั้นวงนี้ยังไม่ดัง)

Monday, April 16, 2012

เพลงนี้แต่งจากความเป็นปุ๊

เพลงนี้แต่งจากความเป็นปุ๊ - ปุ๊(อัญชลี) เป็นผู้ที่เคร่งและศรัทธาในศาสนาอย่างชัดเจน ได้คุยกันตั้งแต่เริ่มทำชุด crossroad ปุ๊ไม่รังเกียจที่จะร้องเพลงรักแต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้เป็นเพลงรักสร้างสรรค์ รักบวกๆ รักที่มีคุณค่า เวลาแต่งจึงมีกรอบนี้อยู่ในหัว มีสีขาวอยู่ในใจเสมอ เนื้อเพลงจึงสำคัญมาก เพลงนี้จึงเริ่มจากคิดชื่อเพลงก่อน เต็มใจมี 2 นัย นัยแรกหมายถึงเต็มใจที่จะรัก อีกนัยคือรักอย่างเต็มหัวใจ ตอนแต่งเพลงนี้ใช้นัยที่ 2 เป็นหลักคิด(มองว่าปุ๊มีความรักในศาสนาอย่างเต็มหัวใจ) โดยเริ่มแต่งเนื้อก่อนแล้วใส่ทำนองตามทีละท่อนๆ ดนตรีตามมาทีหลัง พยายามให้เนื้อเพลงฟังดูกลางๆ และสวยงาม ทำงานเพลงนี้โดยให้ทำนองและดนตรีเป็นส่วนหนุน ส่วนเสริม เพลงนี้เนื้อเพลงคือหัวใจ

Friday, April 13, 2012

เพลงคนขี้เหงาลอกมาจาก sleeping child หรือเปล่า

เพลงคนขี้เหงาลอกมาจาก sleeping child หรือเปล่า - เวลาแต่งเพลง โดยส่วนตัวสิ่งที่คำนึงถึงมากที่สุดคือความพอดีพอเหมาะกับบุคคลิกลักษณะของนักร้อง แต๋ม (ชรัส) เป็นคนชักจูงนีโน่มาร้องเพลง แรกๆ ได้คุยรู้สึกว่าโน่เป็นคนรุ่นใหม่ (ในตอนนั้น) คือพูดตรงๆ มีอารมณ์ขัน ง่ายๆ ไม่มี form  เริ่มเขียนโดยสร้าง rythm ที่แข็งแรงก่อน จากนั้นเขียนทำนองที่ฟังง่ายๆ ตรงๆ ไม่ซับซ้อน (เพลงที่ทำนองซับซ้อนวางหมากหลายชั้นเช่น พี่ชายที่แสนดี-อุ้ย  เพราะรักจึงรู้-วิยะดา รักล้นใจ-ปั่น) เริ่มท่อน hook ด้วย note สูงๆ(นิยมมากตอนนั้น) และใส่ chord อารมณ์กดดันเพื่อให้แรงและน่าสนใจขึ้น เพลงนี้เป็นสูตรเพลง pop ในช่วงนั้น สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นคือมีเพลงดังของ michael learns to rock ชื่อ sleeping child  ได้ฟังครั้งแรกตกใจเหมือนกันเพราะทำนองท่อน A เหมือนคนขี้เหงามาก หลายคนถามว่าไปลอกเขามาหรือเปล่า ก็ต้องยืนยัน (confirm) ว่าเปล่า คนขี้เหงาเกิดก่อน sleeping child ถึง 2 ปี (คนขี้เหงาเกิดปีพ.ศ.2534 ส่วน sleeping child เกิด พ.ศ.2536)

เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจาก the Carpenters

เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจาก the Carpenters - ช่วงนั้นกำลังบ้า Carpenter มาก ชอบเสียงร้องและวิธี chorus ที่สวยงาม ซึ่งที่จริงเสียงตุ้ม(ผุสชา) ก็ไม่ได้คล้าย Karen carpenter แต่มีความรู้สึกที่เหมือนกันคือไม่ถึงกับอบอุ่นแต่ฟังแล้วเย็นใจชื่นใจ ก็เริ่มเขียนทำนองคลอไปกับ chord วน นึกถึงหน้า Karen carpenter ร้องเพลงแล้วจินตนาการว่าถ้าเป็นเพลงไทยทำนองควรจะเป็นยังไง (เป็นวิธีส่วนตัวที่ใช้บ่อยๆ) ก่อนท่อน solo ใช้วิธี chorus ที่ร้องซ้อนๆกันเพื่อส่งเข้า solo  เพราะคุ้นเคยกับตุ้มตั้งแต่ตุ้มยังร้องเพลงอยู่อักษรจุฬา รู้ว่าตุ้มแม่นเสียงมาก แค่ฟัง 2-3 เที่ยวก็จำได้แล้ว เลยใช้ข้อดีตรงนี้มาทำท่อนจบเป็น chorus ที่วาง line ไว้ชั้นนึง โดยมี line ที่สวนไปมาข้างหลัง เพลงนี้ได้แหม่ม(พิไลวรรณ บุญล้น) creative ชื่อดังมาเขียนเนื้อ ถ้าจำไม่ผิด ฝัน ฝันหวานน่าจะเป็นผลงานเขียนเพลงชิ้นแรกของแหม่ม (สมัยอยู่จุฬาตุ้มเป็นนักร้อง แหม่มเล่น bass ชื่อวง Bella donna)

Thursday, April 12, 2012

เพลงที่เขียนตามบรรยากาศและสิ่งที่เห็นข้างหน้า

เพลงที่เขียนตามบรรยากาศและสิ่งที่เห็นข้างหน้า - เพลงนี้ตั้งใจให้มี mood สบายๆ ก็ใช้วิธีวาง chord pattern ที่ฟังโปร่งๆ ไปก่อน 4 bar แล้วเขียนทำนองตาม ทำอย่างนี้ 2 ครั้งก็ได้ท่อน A ท่อน hook ก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่เนื้อร้องเขียนยากมาก (ปกติเพลงเศร้าๆ จะมีเรื่องให้เขียนมากกว่าเพลงที่ฟังสบายๆ) ช่วยกันคิดกับน้องชาย (เทพนม) ก็ยังคิดไม่ออกไม่รู้จะเริ่มยังไงจะเขียนเรื่องอะไร จำได้ว่าคิดไม่ออกร่วม 2 อาทิตย์  เช้านึงนั่งทานกาแฟมองไปเรื่อย เห็นลมพัดต้นไม้ใบไม้ไหวๆ มีแดดอ่อนๆให้ความรู้สึกผ่อนคลายมาก เลยคิดว่าเพลงนี้อารมณ์สบายๆ อยู่แล้วน่าจะลองเขียนเนื้อตามสิ่งที่เห็นโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นเรื่องอะไรก่อน ก็เลยได้ประโยคแรก ฟ้าใสแดดไกลๆ สีจางๆ อากาศตอนเช้าๆสวยงาม  แล้วต่อด้วยอะไรดี ตอนนั้นมองไปแล้วสะอาดตาดีจัง ก็เลยเติมคำว่า สะอาดเหลือเกิน เข้าไปก็ค่อนข้างลงตัว พอเปิดจุกได้จากนั้นก็ไม่ยากแล้ว ได้น้องชายมาช่วยเขียนต่อ และท่อน hook ได้ตุ้ย (ธนา)ที่เขียนต่อจนจบ บรรยากาศอย่างเดียวจริงๆ ที่ช่วยเปิดประตูให้เพลงนี้

Wednesday, April 11, 2012

เพลงที่หา hook ไม่เจอ ต้องให้เพื่อนช่วย

เพลงที่หา hook ไม่เจอ ต้องให้เพื่อนช่วย - เพลงนี้ใช้ 2 วิธีในการแต่ง ท่อนธรรมดาแต่งเนื้อและทำนองพร้อมกัน โดยเริ่มเล่น 2 chords สลับไปมาแล้วนึกทำนองและเนื้อไปพร้อมๆ กัน (เป็นวิธีธรรมชาติที่สุด) โดยไม่ได้วาง plot ไว้ก่อนเลย เป็นการแต่งแบบด้นไปเรื่อยจนรู้สึกว่าใช่ ท่อน hook ใช้วิธีแต่งทำนองก่อนโดยเขียนซ้ำๆ กัน 2 ท่อน แล้วจะคิดเนื้อทีหลัง ตั้งใจว่าจะเขียนเนื้อเองทั้งหมด แต่กลับนึกไม่ออกว่าจะขมวดปมหรือสรุบยังไงเพราะไปพยายามนึกเรื่องด้วยเหตุผลให้มันลึกซื้งจนสับสน ต้องขอให้แต๋ม (ชรัส) เพื่อนรักช่วยหน่อย แต๋มเอาทำนองไปฟังแค่วันรุ่งขึ้นก็โทรมาบอกเนื้อ คิดในใจทำไมมันง่ายอย่างนั้น แค่ ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นรักนิรันดร์ ก็กลายเป็นประโยคหัวใจของเพลงแล้ว เลยใช้คำว่ารักนิรันดร์เป็นชื่อเพลง แต๋มบอกฟังรวมๆ คิดตามแล้วเขียนตามความรู้สึกที่ควรเป็น สรุปเอาเองว่างานเพลงใช้วิธีคิดแบบเหตุผลมากไปก็ไม่ดีจะกลายเป็นสารคดี งานเพลงควรใช้ใจมากกว่าเหตุผล

Sunday, April 8, 2012

เพลงที่เหนื่อยที่สุด

เพลงที่เหนื่อยที่สุด - ที่จริงเพลงนี้ทั้งเพลงจบแค่ท่อนธรรมดาเท่านั้น แต่ตั้งใจแต่แรกจะให้เพลงนี้เป็นธรรมชาติและติดดินที่สุดก็ให้น้องคนแต่ง(ชนะ เสวิกุล) ไปคิดเพิ่มท่อนแห๋ๆ เข้ามาเลยได้ท่อนปากแดงๆ มาต่อท้าย โดยไปอัดเสียงที่วัดลอยเคราะห์(เชียงใหม่)มีน้องๆ ชมรมดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือมาเล่นและร้องด้วยโดยครูแอ็ด(ภานุทัต อภิชนาธง) ช่วยตีกลองปู่จา อัดเสียงกันสดๆ กลางแจ้งร่วมครึ่งวันจนลานนาเพลียนั่งหลับไปเลย  partแรกอัดที่ห้องอัด dayone ของศักดิ์ดอนผีบิน(ชื่อน่ากลัวแต่ตัวน่ารัก)พอดีเห็นจักรยานของศักดิ์ก็เลยได้ idea สาวเหนือกับจักรยานน่าจะไปกันได้ ก็ให้แตน(เศกสิทธิ์)น้องรักขี่ไปในซอยแถวนั้นโดยมีโอนั่งซ้อนท้ายถือไมค์อัดเสียงจักรยานไปด้วยแล้วเอามาใส่ตอนต้นเพลง เพลงนี้ทำที่เชียงใหม่เกือบทั้งหมดเพราะอยากได้บรรยากาศและทำเพื่อเชียงใหม่ที่รัก

Saturday, April 7, 2012

เพลงนี้เขียนเนื้อร้องโดยคนที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแต่งเพลงเลย

เพลงนี้เขียนเนื้อร้องโดยคนที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแต่งเพลงเลย - เริ่มเขียนทำนองแบบที่พวกเราเรียกว่า sequence คือทำนองล้อๆรับกันเป็นทอดๆ mood สบายๆ บน chord pattern แบบ pop ให้เข้ากับ character ของตุ๊ก (นึกภาพตุ๊กเศร้าไม่ออกจริงๆ) และอยากได้เนื้อที่โดดและแตกต่าง วันนึงเห็นรุ่นน้องที่ทำงาน (ตอนนั้นอยู่การบินไทย) ชื่อตุ้ย หน้าจีนๆ ตัวผอมๆ พูดน้อยๆ วาดลายเส้นบนกระดาษ ปกติเขาชอบวาดโน่นนี่เป็นลายเส้นแปลกๆ มีคำพูดที่ฟังแล้วต้องคิด อารมณ์ติสท์ๆ เลยให้เขาลองเอาทำนองไปฟังแล้วเขียนเรื่องราวที่รู้สึกตามทำนอง เขาไม่เขียนแต่กลับมาเล่าให้ฟัง ฟังแล้วรู้เลยว่าคนนี้มีของ ก็บอกว่าตุ้ยลองเอาเรื่องที่เล่าใส่ลงทำนองซิ ก็ได้เนื้อเพลงนี้มา เนื้อลงตามตัวโน๊ตโดยแทบไม่ต้องปรับอะไรเลย ตุ้ยชื่อจริง ธนา ชัยวรภัทร หลังจากนั้นเขียนเพลงดังมากมาย เช่น ดาวกระดาษ(ปนัดดา) ขีดเส้นใต้(กบทรงสิทธิ์) คนไม่มีวาสนา(ชรัส) เป็นต้น เรื่องแบบนี้ถือเป็นพรสวรรค์ที่ติดมากับตัว

Monday, April 2, 2012

เพลงที่มีปัญหา

เพลงที่มีปัญหา-เริ่มแต่งทำนองแบบไม่มี pattern คือแต่ง melodyอารมย์หวานๆ ปนหม่นๆให้สวยที่สุดที่นึกได้ตอนนั้น แล้วใส่ chord (harmony) ทีหลัง(เพลงนี้ท่อน hook จึงยาวเพราะแต่งตามใจตัวเองไปเรื่อย) เสร็จก็ให้จิก (ประภาส ชลศรานนท์) เขียนเนื้อ พอได้เนื้อกลับมาทุกคน(ทีมงาน creatia) อื้ง เพราะหวังจะได้เนื้อเพลงรักๆ แต่กลับได้เนื้อพี่ๆน้องๆมา ทุกคนคิดว่าเพลงรักน่าจะขายได้ขอให้จิกเปลี่ยนเนื้อ แต่จิกยืนยันยังไงก็ไม่เปลี่ยน ก็เลยได้เพลงพี่ชายที่แสนดี ต้องขอบใจจิกมากที่วันนั้นยืนยันแน่วแน่ทำให้พี่ชายที่แสนดีมีความเป็น unique ฟังแล้วเห็นภาพ และอยู่มาถึงวันนี้

Sunday, April 1, 2012

เพลงที่แต่งได้เร็วที่สุด

เพลงที่แต่งได้เร็วที่สุด- ขับรถจากดอนเมืองมาที่บ้านสะพานควายประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพราะชอบฝันชอบจินตนาการก็เลยนึกถึงเสียงของชรัสและอารมณ์ตอนร้องเพลงว่าทำนองแบบไหนจะเหมาะ อยู่ๆ ทำนองก็ไหลเข้ามาในหัว ขับรถไปก็นึกทำนองไปเรื่อยๆ ก็ไหลออกมาเหมือนเปิดก๊อกน้ำ พอถึงบ้านจำได้ว่าต้องรีบวิ่งไปจดโน๊ตกันลืม (original โน๊ตคำว่ารุ้มีโน๊ตเดียวแต่แต๋มใส่เพิ่มเป็นรู้ รู้)