Thursday, April 19, 2012

เพลงนี้ฟังง่ายแต่คิดไม่ง่ายเลย

เพลงนี้ฟังง่ายแต่คิดไม่ง่ายเลย - ตอนที่ดู screen test พั๊นช์จะร้องเพลง pop วัยรุ่นๆ ร้องไปเต้นไป พวกเรา(ทีมงาน C&D และอ๊อด กิติศักดิ์ ช่วงอรุณ - GMM) รู้สึกเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเข้ากัน ส่วนตัวรู้สึกหน้าตาพั๊นช์ดูออกเฉยๆ เศร้าๆ มากกว่ารื่นเริง วันนึงขอให้พั๊นช์ร้องเพลงที่ชอบและอยากร้อง จำได้ว่าพั๊นช์นั่งตรงกลางห้อง ตามองไปข้างหน้า แล้วเริ่มร้องเพลง นึกเสียว่าสงสาร ของ อ้อย กะท้อน แบบปากเปล่าไม่มีดนตรี เป็นอะไรที่จับใจมาก (ยังจำภาพนั้นติดตา) ก็คิดได้ว่าน่าจะทำในสิ่งที่พั๊นช์ทำได้ดีที่สุดดีกว่าทำตามกระแส(ตอนนั้นฮิต pop ใสๆ) แต่ก็ต้องให้ร่วมสมัยด้วย จากนั้นทีมงานส่งคนไปไหนมาไหนกับพั๊นช์เป็นอาทิตย์เพื่อเก็บเรื่องราวชีวิตประจำวันเผื่อจะได้เรื่องมาเขียนเพลง(บ้านพั๊นช์อยู่ในซอยที่รถเข้าไม่ได้ พั๊นช์อยู่กับแม่ ร้องเพลงตามงานวัดกับวงดนตรีญาติๆ ชอบซื้อของแถวตลาดวังหน้าแถวรพ.ศิริราช เป็นต้น) เพลงนี้ตู๋(ปิติ ลิ้มเจริญ) แต่งแบบธรรมชาติ คือเล่นกีต้าร์และแต่งสดๆ เพลงนี้เรียบเรียนดนตรียาก ที่ว่ายากคือคิดยาก เพราะต้องทำให้ฟังดูบ้านๆ แต่ก็ต้องมีอะไรด้วย ก็เลยกำหนดในใจไว้ 3 อย่าง คือ 1 ต้องมีเสียงดนตรีที่ฟังดูบ้านๆ (ใช้เสียง organ รุ่นเก่าๆ solo) 2 ต้องมีท่อนที่เป็นเอกลักษณ์(ซึ่งเพิ่งคิดได้ตอนหลังสุด คือท่อน bass เล่นกับกลองรัวๆ) 3 จังหวะไม่ควรสม่ำเสมอจะดูธรรมดาไป(ในเพลงจึงมีท่อนกลองที่ต่างกันไป 2-3 แบบ) ตอนอัดเสียงก็อัด กีต้าร์ กลอง และ bass เล่นกันสดๆ เพลงนี้ได้มือกีต้าร์(โฟร์) และมือ bass(บัง) วง 25 hour มาเล่นให้(ตอนนั้นวงนี้ยังไม่ดัง)

Monday, April 16, 2012

เพลงนี้แต่งจากความเป็นปุ๊

เพลงนี้แต่งจากความเป็นปุ๊ - ปุ๊(อัญชลี) เป็นผู้ที่เคร่งและศรัทธาในศาสนาอย่างชัดเจน ได้คุยกันตั้งแต่เริ่มทำชุด crossroad ปุ๊ไม่รังเกียจที่จะร้องเพลงรักแต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้เป็นเพลงรักสร้างสรรค์ รักบวกๆ รักที่มีคุณค่า เวลาแต่งจึงมีกรอบนี้อยู่ในหัว มีสีขาวอยู่ในใจเสมอ เนื้อเพลงจึงสำคัญมาก เพลงนี้จึงเริ่มจากคิดชื่อเพลงก่อน เต็มใจมี 2 นัย นัยแรกหมายถึงเต็มใจที่จะรัก อีกนัยคือรักอย่างเต็มหัวใจ ตอนแต่งเพลงนี้ใช้นัยที่ 2 เป็นหลักคิด(มองว่าปุ๊มีความรักในศาสนาอย่างเต็มหัวใจ) โดยเริ่มแต่งเนื้อก่อนแล้วใส่ทำนองตามทีละท่อนๆ ดนตรีตามมาทีหลัง พยายามให้เนื้อเพลงฟังดูกลางๆ และสวยงาม ทำงานเพลงนี้โดยให้ทำนองและดนตรีเป็นส่วนหนุน ส่วนเสริม เพลงนี้เนื้อเพลงคือหัวใจ

Friday, April 13, 2012

เพลงคนขี้เหงาลอกมาจาก sleeping child หรือเปล่า

เพลงคนขี้เหงาลอกมาจาก sleeping child หรือเปล่า - เวลาแต่งเพลง โดยส่วนตัวสิ่งที่คำนึงถึงมากที่สุดคือความพอดีพอเหมาะกับบุคคลิกลักษณะของนักร้อง แต๋ม (ชรัส) เป็นคนชักจูงนีโน่มาร้องเพลง แรกๆ ได้คุยรู้สึกว่าโน่เป็นคนรุ่นใหม่ (ในตอนนั้น) คือพูดตรงๆ มีอารมณ์ขัน ง่ายๆ ไม่มี form  เริ่มเขียนโดยสร้าง rythm ที่แข็งแรงก่อน จากนั้นเขียนทำนองที่ฟังง่ายๆ ตรงๆ ไม่ซับซ้อน (เพลงที่ทำนองซับซ้อนวางหมากหลายชั้นเช่น พี่ชายที่แสนดี-อุ้ย  เพราะรักจึงรู้-วิยะดา รักล้นใจ-ปั่น) เริ่มท่อน hook ด้วย note สูงๆ(นิยมมากตอนนั้น) และใส่ chord อารมณ์กดดันเพื่อให้แรงและน่าสนใจขึ้น เพลงนี้เป็นสูตรเพลง pop ในช่วงนั้น สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นคือมีเพลงดังของ michael learns to rock ชื่อ sleeping child  ได้ฟังครั้งแรกตกใจเหมือนกันเพราะทำนองท่อน A เหมือนคนขี้เหงามาก หลายคนถามว่าไปลอกเขามาหรือเปล่า ก็ต้องยืนยัน (confirm) ว่าเปล่า คนขี้เหงาเกิดก่อน sleeping child ถึง 2 ปี (คนขี้เหงาเกิดปีพ.ศ.2534 ส่วน sleeping child เกิด พ.ศ.2536)

เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจาก the Carpenters

เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจาก the Carpenters - ช่วงนั้นกำลังบ้า Carpenter มาก ชอบเสียงร้องและวิธี chorus ที่สวยงาม ซึ่งที่จริงเสียงตุ้ม(ผุสชา) ก็ไม่ได้คล้าย Karen carpenter แต่มีความรู้สึกที่เหมือนกันคือไม่ถึงกับอบอุ่นแต่ฟังแล้วเย็นใจชื่นใจ ก็เริ่มเขียนทำนองคลอไปกับ chord วน นึกถึงหน้า Karen carpenter ร้องเพลงแล้วจินตนาการว่าถ้าเป็นเพลงไทยทำนองควรจะเป็นยังไง (เป็นวิธีส่วนตัวที่ใช้บ่อยๆ) ก่อนท่อน solo ใช้วิธี chorus ที่ร้องซ้อนๆกันเพื่อส่งเข้า solo  เพราะคุ้นเคยกับตุ้มตั้งแต่ตุ้มยังร้องเพลงอยู่อักษรจุฬา รู้ว่าตุ้มแม่นเสียงมาก แค่ฟัง 2-3 เที่ยวก็จำได้แล้ว เลยใช้ข้อดีตรงนี้มาทำท่อนจบเป็น chorus ที่วาง line ไว้ชั้นนึง โดยมี line ที่สวนไปมาข้างหลัง เพลงนี้ได้แหม่ม(พิไลวรรณ บุญล้น) creative ชื่อดังมาเขียนเนื้อ ถ้าจำไม่ผิด ฝัน ฝันหวานน่าจะเป็นผลงานเขียนเพลงชิ้นแรกของแหม่ม (สมัยอยู่จุฬาตุ้มเป็นนักร้อง แหม่มเล่น bass ชื่อวง Bella donna)

Thursday, April 12, 2012

เพลงที่เขียนตามบรรยากาศและสิ่งที่เห็นข้างหน้า

เพลงที่เขียนตามบรรยากาศและสิ่งที่เห็นข้างหน้า - เพลงนี้ตั้งใจให้มี mood สบายๆ ก็ใช้วิธีวาง chord pattern ที่ฟังโปร่งๆ ไปก่อน 4 bar แล้วเขียนทำนองตาม ทำอย่างนี้ 2 ครั้งก็ได้ท่อน A ท่อน hook ก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่เนื้อร้องเขียนยากมาก (ปกติเพลงเศร้าๆ จะมีเรื่องให้เขียนมากกว่าเพลงที่ฟังสบายๆ) ช่วยกันคิดกับน้องชาย (เทพนม) ก็ยังคิดไม่ออกไม่รู้จะเริ่มยังไงจะเขียนเรื่องอะไร จำได้ว่าคิดไม่ออกร่วม 2 อาทิตย์  เช้านึงนั่งทานกาแฟมองไปเรื่อย เห็นลมพัดต้นไม้ใบไม้ไหวๆ มีแดดอ่อนๆให้ความรู้สึกผ่อนคลายมาก เลยคิดว่าเพลงนี้อารมณ์สบายๆ อยู่แล้วน่าจะลองเขียนเนื้อตามสิ่งที่เห็นโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นเรื่องอะไรก่อน ก็เลยได้ประโยคแรก ฟ้าใสแดดไกลๆ สีจางๆ อากาศตอนเช้าๆสวยงาม  แล้วต่อด้วยอะไรดี ตอนนั้นมองไปแล้วสะอาดตาดีจัง ก็เลยเติมคำว่า สะอาดเหลือเกิน เข้าไปก็ค่อนข้างลงตัว พอเปิดจุกได้จากนั้นก็ไม่ยากแล้ว ได้น้องชายมาช่วยเขียนต่อ และท่อน hook ได้ตุ้ย (ธนา)ที่เขียนต่อจนจบ บรรยากาศอย่างเดียวจริงๆ ที่ช่วยเปิดประตูให้เพลงนี้

Wednesday, April 11, 2012

เพลงที่หา hook ไม่เจอ ต้องให้เพื่อนช่วย

เพลงที่หา hook ไม่เจอ ต้องให้เพื่อนช่วย - เพลงนี้ใช้ 2 วิธีในการแต่ง ท่อนธรรมดาแต่งเนื้อและทำนองพร้อมกัน โดยเริ่มเล่น 2 chords สลับไปมาแล้วนึกทำนองและเนื้อไปพร้อมๆ กัน (เป็นวิธีธรรมชาติที่สุด) โดยไม่ได้วาง plot ไว้ก่อนเลย เป็นการแต่งแบบด้นไปเรื่อยจนรู้สึกว่าใช่ ท่อน hook ใช้วิธีแต่งทำนองก่อนโดยเขียนซ้ำๆ กัน 2 ท่อน แล้วจะคิดเนื้อทีหลัง ตั้งใจว่าจะเขียนเนื้อเองทั้งหมด แต่กลับนึกไม่ออกว่าจะขมวดปมหรือสรุบยังไงเพราะไปพยายามนึกเรื่องด้วยเหตุผลให้มันลึกซื้งจนสับสน ต้องขอให้แต๋ม (ชรัส) เพื่อนรักช่วยหน่อย แต๋มเอาทำนองไปฟังแค่วันรุ่งขึ้นก็โทรมาบอกเนื้อ คิดในใจทำไมมันง่ายอย่างนั้น แค่ ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นรักนิรันดร์ ก็กลายเป็นประโยคหัวใจของเพลงแล้ว เลยใช้คำว่ารักนิรันดร์เป็นชื่อเพลง แต๋มบอกฟังรวมๆ คิดตามแล้วเขียนตามความรู้สึกที่ควรเป็น สรุปเอาเองว่างานเพลงใช้วิธีคิดแบบเหตุผลมากไปก็ไม่ดีจะกลายเป็นสารคดี งานเพลงควรใช้ใจมากกว่าเหตุผล

Sunday, April 8, 2012

เพลงที่เหนื่อยที่สุด

เพลงที่เหนื่อยที่สุด - ที่จริงเพลงนี้ทั้งเพลงจบแค่ท่อนธรรมดาเท่านั้น แต่ตั้งใจแต่แรกจะให้เพลงนี้เป็นธรรมชาติและติดดินที่สุดก็ให้น้องคนแต่ง(ชนะ เสวิกุล) ไปคิดเพิ่มท่อนแห๋ๆ เข้ามาเลยได้ท่อนปากแดงๆ มาต่อท้าย โดยไปอัดเสียงที่วัดลอยเคราะห์(เชียงใหม่)มีน้องๆ ชมรมดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือมาเล่นและร้องด้วยโดยครูแอ็ด(ภานุทัต อภิชนาธง) ช่วยตีกลองปู่จา อัดเสียงกันสดๆ กลางแจ้งร่วมครึ่งวันจนลานนาเพลียนั่งหลับไปเลย  partแรกอัดที่ห้องอัด dayone ของศักดิ์ดอนผีบิน(ชื่อน่ากลัวแต่ตัวน่ารัก)พอดีเห็นจักรยานของศักดิ์ก็เลยได้ idea สาวเหนือกับจักรยานน่าจะไปกันได้ ก็ให้แตน(เศกสิทธิ์)น้องรักขี่ไปในซอยแถวนั้นโดยมีโอนั่งซ้อนท้ายถือไมค์อัดเสียงจักรยานไปด้วยแล้วเอามาใส่ตอนต้นเพลง เพลงนี้ทำที่เชียงใหม่เกือบทั้งหมดเพราะอยากได้บรรยากาศและทำเพื่อเชียงใหม่ที่รัก

Saturday, April 7, 2012

เพลงนี้เขียนเนื้อร้องโดยคนที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแต่งเพลงเลย

เพลงนี้เขียนเนื้อร้องโดยคนที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแต่งเพลงเลย - เริ่มเขียนทำนองแบบที่พวกเราเรียกว่า sequence คือทำนองล้อๆรับกันเป็นทอดๆ mood สบายๆ บน chord pattern แบบ pop ให้เข้ากับ character ของตุ๊ก (นึกภาพตุ๊กเศร้าไม่ออกจริงๆ) และอยากได้เนื้อที่โดดและแตกต่าง วันนึงเห็นรุ่นน้องที่ทำงาน (ตอนนั้นอยู่การบินไทย) ชื่อตุ้ย หน้าจีนๆ ตัวผอมๆ พูดน้อยๆ วาดลายเส้นบนกระดาษ ปกติเขาชอบวาดโน่นนี่เป็นลายเส้นแปลกๆ มีคำพูดที่ฟังแล้วต้องคิด อารมณ์ติสท์ๆ เลยให้เขาลองเอาทำนองไปฟังแล้วเขียนเรื่องราวที่รู้สึกตามทำนอง เขาไม่เขียนแต่กลับมาเล่าให้ฟัง ฟังแล้วรู้เลยว่าคนนี้มีของ ก็บอกว่าตุ้ยลองเอาเรื่องที่เล่าใส่ลงทำนองซิ ก็ได้เนื้อเพลงนี้มา เนื้อลงตามตัวโน๊ตโดยแทบไม่ต้องปรับอะไรเลย ตุ้ยชื่อจริง ธนา ชัยวรภัทร หลังจากนั้นเขียนเพลงดังมากมาย เช่น ดาวกระดาษ(ปนัดดา) ขีดเส้นใต้(กบทรงสิทธิ์) คนไม่มีวาสนา(ชรัส) เป็นต้น เรื่องแบบนี้ถือเป็นพรสวรรค์ที่ติดมากับตัว

Monday, April 2, 2012

เพลงที่มีปัญหา

เพลงที่มีปัญหา-เริ่มแต่งทำนองแบบไม่มี pattern คือแต่ง melodyอารมย์หวานๆ ปนหม่นๆให้สวยที่สุดที่นึกได้ตอนนั้น แล้วใส่ chord (harmony) ทีหลัง(เพลงนี้ท่อน hook จึงยาวเพราะแต่งตามใจตัวเองไปเรื่อย) เสร็จก็ให้จิก (ประภาส ชลศรานนท์) เขียนเนื้อ พอได้เนื้อกลับมาทุกคน(ทีมงาน creatia) อื้ง เพราะหวังจะได้เนื้อเพลงรักๆ แต่กลับได้เนื้อพี่ๆน้องๆมา ทุกคนคิดว่าเพลงรักน่าจะขายได้ขอให้จิกเปลี่ยนเนื้อ แต่จิกยืนยันยังไงก็ไม่เปลี่ยน ก็เลยได้เพลงพี่ชายที่แสนดี ต้องขอบใจจิกมากที่วันนั้นยืนยันแน่วแน่ทำให้พี่ชายที่แสนดีมีความเป็น unique ฟังแล้วเห็นภาพ และอยู่มาถึงวันนี้

Sunday, April 1, 2012

เพลงที่แต่งได้เร็วที่สุด

เพลงที่แต่งได้เร็วที่สุด- ขับรถจากดอนเมืองมาที่บ้านสะพานควายประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพราะชอบฝันชอบจินตนาการก็เลยนึกถึงเสียงของชรัสและอารมณ์ตอนร้องเพลงว่าทำนองแบบไหนจะเหมาะ อยู่ๆ ทำนองก็ไหลเข้ามาในหัว ขับรถไปก็นึกทำนองไปเรื่อยๆ ก็ไหลออกมาเหมือนเปิดก๊อกน้ำ พอถึงบ้านจำได้ว่าต้องรีบวิ่งไปจดโน๊ตกันลืม (original โน๊ตคำว่ารุ้มีโน๊ตเดียวแต่แต๋มใส่เพิ่มเป็นรู้ รู้)